ตรวจตั้งครรภ์เร็วสุดกี่วันถึงจะรู้ว่าท้อง? พร้อมแนะนำบริการตรวจครรภ์จาก
แฮปปี้เบิร์ธคลินิก

 

ท้องกี่สัปดาห์ตรวจเจอ?

👩🏻‍⚕️ สำหรับคำถามท้องกี่สัปดาห์ตรวจเจอนั้น สามารถตรวจยืนยันการตั้งครรภ์ด้วยวิธีการเจาะเลือด หรือตรวจปัสสาวะ ได้หลังจากปฏิสนธิไปแล้ว 7 - 10 วัน หรือประมาณ 1 - 2 สัปดาห์หลังปฏิสนธิ

​

สามารถตรวจตั้งครรภ์ด้วยตนเองได้ไหม มีความแม่นยำเท่าไหร่?

​

👩🏻‍⚕️ สำหรับสาว ๆ ที่สงสัยว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ แล้วยังไม่สะดวกมาตรวจตั้งครรภ์ที่คลินิก สามารถซื้อที่ตรวจครรภ์ 2 ขีด แบบจุ่ม มาตรวจเบื้องต้นได้ ซึ่งเป็นวิธีตรวจปัสสาวะด้วยที่ตรวจครรภ์ที่เราได้แนะนำไปในข้างต้นค่ะ 

อย่างไรก็ตาม วิธีตรวจตั้งครรภ์ด้วยตนเองอาจมีผลลบลวง หรือผลบวกลวงได้ อีกทั้งถ้าหากเราตั้งครรภ์แล้วก็จะต้องฝากครรภ์ครั้งแรกกับคุณหมอให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เพื่อความแม่นยำ 100% และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจซ้ำซ้อน แนะนำให้มาตรวจที่คลินิกทีเดียวเลยจะดีที่สุดค่ะ

​

ตัวอย่างของสาเหตุที่ทำให้ผลบวกลวง (ผลออกมาว่า ตั้งครรภ์ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตั้งครรภ์)

• เป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด

• ระดับฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น เป็นโรคอ้วน หรือโรคไทรอยด์

• เป็นผลมาจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีเลือด หรือมีไข่ขาวในปัสสาวะ

• ที่ตรวจครรภ์ไม่ได้ประสิทธิภาพ

​

ตัวอย่างของสาเหตุที่ทำให้ผลลบลวง (ผลออกมาว่า ไม่ได้ตั้งครรภ์ แต่จริง ๆ แล้วกำลังตั้งครรภ์อยู่)

• ตรวจในช่วงที่น้ำปัสสาวะเจือจาง

• ตรวจเร็วเกินไป หรือตรวจหลังจากที่ตั้งครรภ์เกิน 4 เดือน

​

รู้จัก 2 ภาวะเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ตั้งครรภ์

​

👩🏻‍⚕️ คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ท้องแรกหลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมต้องมาฝากครรภ์กับคุณหมอ มันจำเป็นจริง ๆ เหรอ เราขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า จำเป็นมากจริง ๆ ค่ะ เพราะในระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ อาจเกิดผลข้างเคียง หรือภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อตัวแม่และเด็กได้มากมาย

การที่คุณแม่ได้รับการดูแลโดยคุณหมอสูตินรีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฝากครรภ์ ก็จะช่วยลดการเกิดความเสี่ยงเหล่านี้ได้มาก หรือสามารถรับรู้ถึงภาวะเสี่ยงที่เป็นอันตราย และสามารถวางแผนรับมือได้อย่างเหมาะสมค่ะ

สำหรับ 2 ภาวะเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ตั้งครรภ์ มีดังนี้

• ท้องลม  (Blighted Ovum) : เป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่มีตัวอ่อน หรือตัวอ่อนสลายไปแล้วตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์ เมื่อทำการอัลตราซาวด์จึงพบว่ามีเพียงถุงตั้งครรภ์ แต่ไม่พบตัวอ่อน เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับสาว ๆ ทุกคน ไม่สามารถป้องกันได้ และจะยิ่งพบมากขึ้นในสาว ๆ ที่มีอายุมาก

• ท้องนอกมดลูก : เป็นภาวะการตั้งครรภ์ที่อยู่บริเวณอื่นนอกโพรงมดลูก โดยส่วนใหญ่จะพบว่าตัวอ่อนไปฝังตัวอยู่บริเวณท่อนำไข่ แต่ก็สามารถพบการฝังตัวอ่อนที่บริเวณอื่น ๆ ได้เช่นกัน จัดเป็นภาวะผิดปกติที่เมื่อพบแล้วจะต้องยุติการตั้งครรภ์ทันที เพราะถ้าตรวจไม่พบแล้วทำการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้อวัยวะส่วนนั้นฉีกขาด มีเลือดออกมาก และเป็นอันตรายต่อตัวคุณแม่ได้ค่ะ

​

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจตั้งครรภ์ ตอบครบในที่เดียว!

👩🏻‍⚕️  เพราะการตั้งครรภ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ครั้งแรกอาจมีความกังวลและเกิดข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เพื่อช่วยให้คุณแม่รู้สึกสบายใจมากขึ้น แฮปปี้เบิร์ธคลินิกได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตั้งครรภ์พร้อมคำตอบมาให้แล้วค่ะ

​

หลังมีเพศสัมพันธ์กี่วันถึงจะรู้ว่าท้อง?

👩🏻‍⚕️ หลังมีเพศสัมพันธ์ และเกิดการปฏิสนธิ จะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน ถึงจะสามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้ค่ะ

​

คนท้อง 1 สัปดาห์มีอาการอย่างไร?

👩🏻‍⚕️ ในช่วงสัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ อาการที่สังเกตเห็นได้ชัด ๆ เลย คือ คุณแม่จะมีอาการคัดเต้านมค่ะ นอกจากนี้เต้านมและหัวนมจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยจะมีอาการบวม ไวต่อความรู้สึก และรู้สึกเสียวแปล๊บ ๆ ค่ะ

​

1 สัปดาห์ สามารถตรวจครรภ์ได้ไหม?

👩🏻‍⚕️ การตรวจตั้งครรภ์จะสามารถตรวจเจอได้หลังจากที่มีการปฏิสนธิไปแล้ว 7-10 วัน ค่ะ ถ้าอยากตรวจการตั้งครรภ์ แนะนำให้มาตั้งครรภ์หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว 1 สัปดาห์ขึ้นไป จะแม่นยำที่สุดค่ะ

​

ประจําเดือนไม่มากี่วันถึงจะตรวจตั้งครรภ์ได้?

👩🏻‍⚕️ แนะนำให้รอเลยรอบเดือนไปประมาณ 7 วันค่ะ เพราะมีหลายสาเหตุมากที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น ความเครียด อาการวิตกกังวล หรือเกิดจากอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น กลุ่มอาการ PCOS รังไข่เสื่อมก่อนกำหนด ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง หรือเป็นโรคทางนรีเวช เป็นต้น

​

ใช้เวลามีเพศสัมพันธ์ไม่นาน ท้องได้ไหม?

👩🏻‍⚕️ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันด้วยการใส่ถุงยางอนามัย ไม่ว่าจะใช้เวลานาน หรือไม่นาน ก็ล้วนแต่มีโอกาสที่น้ำอสุจิจะเล็ดลอดออกมา และทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ค่ะ

​

เมื่อมีการตั้งครรภ์ มักปวดท้องน้อยแบบไหน?

👩🏻‍⚕️ โดยส่วนใหญ่แล้ว ในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสอง คุณแม่อาจมีอาการปวดท้องน้อยหน่วง ๆ รู้สึกแน่นท้อง อึดอัด หรือปวดจุก ๆ เป็นพัก ๆ ได้ค่ะ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นทุกเดือน และไม่ควรมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น เลือดออกไหลจากช่องคลอดเหมือนกับการปวดประจำเดือน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสที่สาม อาการปวดท้องน้อยที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวกับการคลอด โดยเฉพาะในช่วงที่ใกล้คลอด หากคุณแม่จะมีอาการเจ็บครรภ์และปวดท้องน้อยร่วมด้วย และค่อย ๆ ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณของอาการคลอดก่อนกำหนด ถ้าคุณแม่มีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบคุณหมอโดยเร็วที่สุดค่ะ

​

ตกขาวของคนท้องเป็นยังไง?

👩🏻‍⚕️ ลักษณะตกขาวคนท้องจะเหมือนกับตอนที่ยังไม่ตั้งครรภ์เลยค่ะ โดยจะมีสีขาว และกลิ่นอ่อน ๆ หรืออาจไม่มีกลิ่นก็ได้ แต่ถ้าตกขาวมีกลิ่นเหม็นคาว เหม็นเปรี้ยว เหม็นบูด หรือมีสีที่เปลี่ยนไป เช่น สีเขียว สีแดง สีน้ำตาล สีเทา หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น คัน เจ็บ หรือปวดช่องคลอด ปัสสาวะขัด แสบอวัยวะเพศขณะปัสสาวะ นั่นอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่บริเวณช่องคลอด ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุและเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีที่สุดค่ะ

​

ท้องนอกมดลูก กี่สัปดาห์ถึงจะตรวจเจอ?

👩🏻‍⚕️ อาการท้องนอกมดลูกสามารถตรวจเจอได้ด้วยการตรวจอัลตราซาวด์ทารก ซึ่งสามารถตรวจได้หลังจากที่มีอายุครรภ์ 5 สัปดาห์ขึ้นไป 

​

ท้องนอกมดลูก แค่ตรวจปัสสาวะจะเจอไหม?

👩🏻‍⚕️ ไม่เจอค่ะ เพราะการตรวจปัสสาวะด้วยที่ตรวจครรภ์เป็นวิธีการตรวจตั้งครรภ์เบื้องต้นเท่านั้น

​

ท้องแต่ตรวจไม่เจอ เกิดจากอะไรบ้าง?

👩🏻‍⚕️ การท้องแต่ตรวจไม่เจอ ส่วนใหญ่จะพบกับสาว ๆ ที่ตรวจตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง เพราะวิธีตรวจดังกล่าวสามารถเกิดผลลบลวงได้ ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ตรวจเร็วเกินไป การเสื่อมสภาพของชุดตรวจ หรือปัสสาวะมีการเจือจางมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ถ้ามาตรวจตั้งครรภ์ด้วยการตรวจเลือดที่คลินิก จะมีความแม่นยำ 100% ค่ะ

​

​

​

​

​

​