คลินิกสูตินรีเวช ฝากครรภ์ ตรวจภายใน อัลตราซาวด์
บ้านก้ามปูอโศก รามคำแหง 26/1 ลาดกระบัง 54
รวมเรื่องควรรู้เกี่ยวกับการฝังยาคุมกำเนิด แบบ 3 และ 5
การฝังยาคุมกำเนิดเป็นวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก มีโอกาสล้มเหลวที่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์อยู่ที่ 0.5% เท่านั้น เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว ประมาณ 3 ปีขึ้นไป โดยที่ไม่ต้องมาคอยกินยาเม็ดคุมกำเนิดทุกวัน หรือฉีดยาคุมกำเนิดทุกเดือนให้ยุ่งยาก
สำหรับสาว ๆ คนไหนที่สนใจ สามารถติดต่อนัดหมายเข้ามาใช้บริการยาฝังคุมกำเนิดที่แฮปปี้เบิร์ธคลินิกได้เลยค่ะ เรามีคุณหมอผู้หญิงที่เข้าใจสาว ๆ ทุกวัย พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการคุมกำเนิด และเรื่องส่วนตัวที่สาว ๆ กังวล พร้อมดูแลรักษาด้วยความใส่ใจค่ะ
การฝังยาคุมกำเนิด คืออะไร?
👩🏻⚕️ การฝังยาคุมกำเนิด คือ การฝังหลอดบรรจุฮอร์โมน ขนาดความยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ลงไปที่ใต้ชั้นผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขน โดยยาจะออกฤทธิ์ในการยับยั้งการตกไข่ และปรับระบบสืบพันธ์ุของเพศหญิงให้ยากต่อการปฏิสนธิมากขึ้น เช่น ทำให้มูกบริเวณปากมดลูกเหนียวข้นจนเชื้ออสุจิเคลื่อนผ่านเข้าไปในมดลูกยากขึ้น หรือทำให้โพรงมดลูกไม่เหมาะสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน เป็นต้น
ยาคุมกำเนิดแบบฝังทำงานอย่างไร?
👩🏻⚕️ ยาฝังคุมกำเนิดจะใช้ยาฮอร์โมนสังเคราะห์ที่เลียนแบบการออกฤทธิ์ของฮอร์โมน Progestin จึงทำให้ยาฝังคุมกำเนิดมีหลักการทำงานเหมือนกับยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนโปรเจนตินเดี่ยว ดังนี้
-
เข้าไปกดการทำงานของไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) และต่อมใต้สมอง เพื่อยับยั้งการตกไข่
-
เปลี่ยนมูกบริเวณปากมดลูกให้ข้นขึ้น
-
เปลี่ยนแปลงเยื่อบุมดลูกให้ฝ่อและบาง ไม่เหมาะกับการฝังตัวของตัวอ่อน
การฝังยาคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเท่าไร?
👩🏻⚕️ การฝังยาคุมกำเนิด มีโอกาสพลาดท้องอยู่ที่ 0.05% หรือ 1 ใน 2,000 คน ซึ่งนับเป็นวิธีคุมกำเนิดในเพศหญิงที่มีประสิทธิภาพสูง เมื่อเทียบกับการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด การฉีดยาคุมกำเนิด หรือการใช้ห่วงคุมกำเนิด
ยาฝังคุมกำเนิด มีกี่ชนิด แตกต่างกันอย่างไร?
ชนิดของยาฝังคุมกำเนิด
1. Implanon NXT ยาฝังคุมกำเนิดชนิด 1 แท่ง (คุมกำเนิด 3 ปี) 👶🏻
👩🏻⚕️ Implanon ชนิดฝัง 1 แท่ง จะมีฮอร์โมน Etonogestrel 68 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นยาสังเคราะห์ที่มีฤทธิ์เลียนแบบ Progesterone โดยจะมีกลไกออกฤทธิ์คุมกำเนิดเหมือนกับการคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว ซึ่งการทำ 1 ครั้ง จะสามารถคุมกำเนิดได้นาน 3 ปี
ยาฝังคุมกำเนิด Implanon นั้น จะค่อย ๆ ปล่อยฮอร์โมนออกมาวันละ 60 - 70 ไมโครกรัมในช่วง 1 เดือนแรก หลังจากนั้นจะลดเหลือวันละ 30 ไมโครกรัมจนกว่ายาจะหมดฤทธิ์
สำหรับสาว ๆ คนไหนที่สนใจใช้ยาฝังคุมกำเนิดชนิด 3 ปี (Implanon) สามารถจองวันเข้ามาใช้บริการที่แฮปปี้เบิร์ธคลินิกได้เลย มีค่าบริการฝังยาคุมกำเนิดอยู่ที่ 6,200 บาท รวมค่าบริการทางการแพทย์แล้ว
*ค่าบริการฝังยาคุมกำเนิด และถอดยาคุมชนิดฝัง เป็นอัตราค่ารักษาพยาบาล ปี 2566 อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่คลินิกเพิ่มเติม
2. Jadelle ยาฝังคุมกำเนิดชนิด 2 แท่ง (คุมกำเนิด 5 ปี)
👩🏻⚕️ Jadelle ชนิดฝัง 2 แท่ง จะมีฮอร์โมน Levonorgestrel 75 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นยาสังเคราะห์ที่มีฤทธิ์เลียนแบบ Progesterone และมีกลไกการออกฤทธิ์คุมกำเนิดเหมือนกับ Implanon แต่จะสามารถคุมกำเนิดได้นาน 5 ปี โดยในช่วงเดือนแรกจะปล่อยฮอร์โมนออกมาวันละ 100 ไมโครกรัม หลังจากนั้นจะลดเหลือวันละ 40 ไมโครกรัม ใน 1 ปีถัดมา และลดเหลือวันละ 30 ไมโครกรัม ใน 2 ปีถัดมาตามลำดับ
หากสนใจยาฝังคุมกำเนิด Jadelle สามารถจองวันเข้ามาใช้บริการที่แฮปปี้เบิร์ธคลินิกได้เลยค่ะ ค่าบริการฝังยาคุมกำเนิดชนิด 5 ปี (Jadelle) อยู่ที่ 6,200 บาท รวมค่าบริการทางการแพทย์แล้วค่ะ
*ค่าบริการฝังยาคุมกำเนิด และถอดยาคุมชนิดฝัง เป็นอัตราค่ารักษาพยาบาล ปี 2566 อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่คลินิกเพิ่มเติม
ฝังยาคุมกำเนิด 3 ปี และ 5 ปี ราคาเท่าไร?
👩🏻⚕️ แฮปปี้เบิร์ธคลินิกให้บริการฝังยาคุมกำเนิด ชนิด 1 แท่ง (Implanon) ราคา 6,200 บาท* และชนิด 2 แท่ง (Jadelle) ราคา 6,500 บาท* ค่าบริการรวมค่าบริการทางแพทย์แล้ว หากสนใจสามารถนัดหมายล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่คลินิกได้เลยค่ะ
*ค่าบริการฝังยาคุมกำเนิด และถอดยาคุมชนิดฝัง เป็นอัตราค่ารักษาพยาบาล ปี 2567 อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่คลินิกเพิ่มเติม
ฝังยาคุม มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง?
👩🏻⚕️ แม้ว่ายาฝังคุมกำเนิดจะเป็นหนึ่งในวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ มีข้อดีหลายด้าน แต่ก็ข้อเสียด้วยเช่นกัน ดังนั้นก่อนที่จะใช้ยา คุณควรที่จะศึกษาข้อดีและข้อเสียของการฉีดยาคุมกำเนิดก่อน เพื่อที่จะได้ประเมินความคุ้มค่าและดูว่าเหมาะสมกับตนเองจริง ๆ ไหม
ข้อดีของการฝังยาคุมกำเนิด
👩🏻⚕️ ยาฝังคุมกำเนิด มีข้อดีดังนี้
-
มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงที่สุด และสามารถคุมกำเนิดได้นาน
-
ไม่ส่งผลข้างเคียงต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน
-
ไม่ส่งผลกระทบต่อเมตาบอลึซึมของร่างกาย
-
เป็นวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะกับคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร เพราะไม่ส่งต่อคุณภาพและปริมาณน้ำนม
-
อาจใช้รักษาอาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) และลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และมะเร็งไข่ได้
-
ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม
ข้อเสียของการฝังยาคุมกำเนิด
👩🏻⚕️ แม้ว่าจะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ยาฝังคุมกำเนิดก็มีข้อเสียเช่นกัน ดังนี้
-
ยาฝังคุมกำเนิดจะส่งผลกระทบต่อประจำเดือน ทำให้มาผิดปกติ หรือมากะปริดกะปรอยได้
-
จะต้องให้คุณหมอ หรือเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ทำการฝังและถอดยาออก
-
ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
-
อาจมองเห็นหลอดยาที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนัง
-
ยาฝังคุมกำเนิดจะทำปฏิกิริยากับยากันชัก หรือยาอื่น ๆ เช่น Carbamazepine, Phenytoin, Phenobarbital, Rifampicin หรือ Tetracycline ได้ จึงควรแจ้งให้คุณหมอ หรือเภสัชกรทราบทุกครั้งก่อนใช้ยา
การฝังยาคุมกำเนิด เหมาะกับใคร?
👩🏻⚕️ ผู้ที่เหมาะกับการใช้ยาฝังคุมกำเนิด มีดังนี้
-
ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดประมาณ 2 - 3 ปี
-
ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ และคุมกำเนิดได้นาน
-
ผู้ที่มีข้อห้าม หรือไม่สามารถใช้ฮอร์โมน Estrogen ได้
-
ผู้ที่มีนิสัยลืมกินยาบ่อย ๆ ไม่สะดวกที่จะใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด
-
ผู้ที่มีข้อห้ามในการใช้ห่วงอนามัย
-
ผู้ที่มีบุตรเพียงพอแล้ว ต้องการคุมกำเนิดระยะยาว แต่ไม่อยากคุมกำเนิดแบบถาวร
-
ผู้ที่มีประวัติซีดร่วมกับมีประจำเดือนมากผิดปกติ
-
คุณแม่ที่กำลังให้นมบุตรสามารถใช้ได้ เพราะตัวยาไม่ส่งผลต่อน้ำนม
การฝังยาคุมกำเนิด ไม่เหมาะกับใคร?
👩🏻⚕️ แม้ว่าการฝังยาคุมกำเนิดจะนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย มีความปลอดภัยสูง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเหมาะสำหรับสาว ๆ ทุกคน มีสาว ๆ หลายคนที่มีข้อจำกัด เมื่อใช้ยาฝังคุมกำเนิดแล้วก็อาจกระตุ้นให้อาการผิดปกติรุนแรงขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น
-
ผู้ที่สงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่
-
ผู้ที่ไม่อยากให้ช่วงเวลามีประจำเดือนเกิดการเปลี่ยนแปลง
-
ผู้ที่กำลังรับประทานยาที่อาจส่งผลกระทบต่อยาฝังคุมกำเนิด เช่น ยารักษาโรคเอชไอวี (HIV) โรคลมบ้าหมู โรควัณโรค, สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ต (St John's Wort) หรือยาปฏิชีวะนะบางชนิดอย่าง ไรแฟมพิซิน (Rifampicin) หรือ ไรฟาบูติน (Rifabutin)
-
ผู้ที่มีเลือดออกบริเวณช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งในระหว่างรอบเดือน และหลังจากมีเพศสัมพันธ์
-
ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจ
-
ผู้เป็นโรคหลอดเลือดแดง หรือโรคตับ
-
ผู้ที่มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม หรือกำลังเป็นอยู่
-
ผู้ที่มีอาการทางแพทย์ที่ส่งผลต่อการคุมกำเนิด
-
ผู้สูบบุหรี่มากกว่า 15 มวนต่อวัน
-
ผู้ที่มีไขมันในโลหิตสูง ความดันโลหิตสูง โรคถุงน้ำดี หรือเป็นโรคเรื้อรังอย่าง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
-
ผู้ที่มีประวัติตั้งครรภ์นอกมดลูก
ฝังยาคุมกำเนิดต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?
👩🏻⚕️ การเข้ารับยาฝังคุมกำเนิดไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ แต่จะแนะนำให้เข้ารับการฝังยาคุมกำเนิดในช่วง 3 วันแรกของการมีประจำเดือน
ขั้นตอนการฝังยาคุมกำเนิด
👩🏻⚕️ คุณหมอจะทำการทำความสะอาดผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขนที่ต้องการทำการฝังยาก่อน แล้วทำการฉีดยาชาเพื่อลดความเจ็บปวด หลังจากนั้นจะทำการฝังยาลงไปในบริเวณนั้น ตรวจสอบความเรียบร้อยของตำแหน่งยา แล้วปิดแผลด้วยพลาสเตอร์
การดูแลตนเองหลังเข้ารับยาฝังคุมกำเนิด
👩🏻⚕️ หลังจากเข้ารับยาฝังคุมกำเนิดแล้ว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด ดังนี้
-
ในช่วง 5 - 7 วันแรก อย่าเพิ่งนำพลาสเตอร์ออก หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ งดใช้แขนข้างที่ฝังยาคุมกำเนิดยกของหนักและออกกำลังกายหนัก และระมัดระวังไม่ให้ได้รับแรงกระแทก
-
ในช่วง 7 วันแรก หากต้องการมีเพศสัมพันธ์ ให้ป้องกันด้วยถุงยางอนามัยก่อน
-
รับประทานยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบที่คุณหมอจ่ายให้ เพื่อป้องกันการเกิดแผลติดเชื้อ
-
เมื่อครบ 7 วันแล้ว ให้กลับไปให้คุณหมอตรวจติดตามอาการ หากไม่มีอะไรผิดปกติ ให้กลับมาตรวจติดตามผลการรักษาปีละครั้ง
-
เมื่อครบระยะเวลาที่กำหนด ให้กลับมาถอดยาคุมกำเนิดที่ฝังไว้ และเปลี่ยนเป็นแท่งใหม่
อย่างไรก็ตาม หากเกิดอาการผิดปกติหลังจากใช้ยาฝังคุมกำเนิด เช่น แผลมีเลือด มีน้ำเหลือง มีหนอง หรือบวมแดง หรือมีอาการตั้งครรภ์ หรือคลำบริเวณที่ฝังยาแล้วไม่พบหลอดยา ให้รีบไปพบคุณหมอทันที
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ยาคุมกำเนิดแบบฝัง
👩🏻⚕️ การใช้ยาฝังคุมกำเนิด อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป ดังนี้
-
มีประจำเดือนมาผิดปกติ มากะปริดกะปรอย หรือขาดประจำเดือน ซึ่งส่วนใหญ่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 6 เดือน
-
อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1 - 3 กิโลกรัมในช่วงแรกที่ใช้ยา แต่ถ้าหากดูแลสุขภาพร่างกายด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ น้ำหนักตัวจะค่อย ๆ ลดลงเอง
-
อาจทำให้เกิดสิวได้ มักพบในคนที่ใช้ยาฝังคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน Levonorgestrel
-
ถุงน้ำรังไข่ (Cyst) มักพบในคนที่ใช้ยาฝังคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน Levonorgestrel เพราะระดับ Progestin ไม่สามารถกดฮอร์โมน FSH ได้ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญเติบโตของไข่ จึงทำให้ยังมีการเจริญของฟองไข่อยู่ แต่มักจะเป็นถุงน้ำรังไข่ชนิดธรรมดาที่สามารถหายได้เอง
-
อาการเจ็บคัดตึงเต้านมในช่วงก่อนมีประจำเดือน เพราะมีการคั่งของน้ำ แต่ถ้าหากเป็นบ่อย ๆ แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอเพิ่มเติม
ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาฝังคุมกำเนิดนั้น ไม่ได้ถือว่าเป็นอาการผิดปกติแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากสาว ๆ รู้สึกวิตกกังวลมากเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น สามารถมาปรึกษาคุณหมอเพื่อวางแผนใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับตนเองได้ค่ะ
ฝังยาคุมกำเนิดที่คลินิกแฮปปี้เบิร์ธ ราคาเท่าไร?
👩🏻⚕️ แฮปปี้เบิร์ธคลินิกให้บริการฝังยาคุมกำเนิด ชนิด 1 แท่ง (Implanon) ราคา 6,200 บาท* และชนิด 2 แท่ง (Jadelle) ราคา 6,200 บาท* ค่าบริการรวมค่าบริการทางแพทย์แล้ว หากสนใจสามารถนัดหมายล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่คลินิกได้เลยค่ะ
*ค่าบริการฝังยาคุมกำเนิด และถอดยาคุมชนิดฝัง เป็นอัตราค่ารักษาพยาบาล ปี 2566 อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่คลินิกเพิ่มเติม
ถอดยาคุมชนิดฝัง ราคาเท่าไร?
👩🏻⚕️ แฮปปี้เบิร์ธคลินิกให้บริการถอดยาคุมชนิดฝัง ทั้งแบบ 1 แท่ง และ 2 แท่ง ราคา 2,900 บาท รวมค่าบริการทางแพทย์แล้ว หากสนใจสามารถนัดหมายล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่คลินิกได้เลยค่ะ
*ค่าบริการฝังยาคุมกำเนิด และถอดยาคุมชนิดฝัง เป็นอัตราค่ารักษาพยาบาล ปี 2566 อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่คลินิกเพิ่มเติม
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฝังยาคุมกำเนิด
👩🏻⚕️ เพื่อให้สาว ๆ เข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาฝังคุมกำเนิดมากขึ้น เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้มาฝาก ใครที่มีข้อสงสัยอยู่ สามารถดูคำถามและคำตอบได้ที่นี่เลย
1. สามารถเอายาคุมกำเนิดแบบฝังออกได้เมื่อไร?
👩🏻⚕️ สามารถไปให้คุณหมอเอายาฝังคุมกำเนิดออกได้ทันทีที่ต้องการ โดยร่างกายจะกลับสู่ภาวะปกติ และสามารถกลับมาตกไข่ได้ภายใน 3 สัปดาห์
2. ฝังเข็มยาคุมอ้วนไหม?
👩🏻⚕️ การฝังเข็มยาคุมมีโอกาสที่จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น แต่พบได้น้อยมาก ส่วนใหญ่น้ำหนักจะขึ้นไม่เกิน 1 - 3 กิโลกรัม และมักเป็นในช่วงแรกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากหลังจากใช้ยาฝังคุมกำเนิดแล้ว มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจเกิดจากสาเหตุอื่นมากกว่า เช่น พฤติกรรมการกิน หรือการออกกำลังกาย แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอเพิ่มเติม
3. ฝังยาคุมกำเนิดเจ็บไหม
👩🏻⚕️ จะมีการฉีดยาชาบริเวณที่จะฝังยาคุมกำเนิดก่อน ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บปวดขณะทำการฝังยาคุมกำเนิดได้
4. หลังฝังยาคุมกำเนิดสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตอนไหน?
👩🏻⚕️ ในกรณีที่ใส่ยาฝังคุมกำเนิดในช่วง 5 วันแรกของการมีประจำเดือน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในทันที แต่ถ้าใส่ในวันอื่น ๆ ควรคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นระยะเวลา 7 วัน
อย่างไรก็ตาม ยาฝังคุมกำเนิด ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ หากคุณมีพฤติกรรมมีคู่นอนหลายคน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ แนะนำให้สวมใส่ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง
5. ฝังยาคุมกำเนิดแล้วท้อง เกิดจากอะไร?
👩🏻⚕️ การใช้ยาฝังคุมกำเนิดนั้น จะมีโอกาสพลาดท้องได้ 0.05% หรือ 1 ใน 2,000 คนจากผู้ใช้ยา ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100%
6. ฝังยาคุม ประจำเดือนจะมาไหม?
👩🏻⚕️ หลังจากฝังยาคุมกำเนิดแล้ว จะมีประจำเดือนผิดปกติในช่วงแรก หลังจากนั้นประจำเดือนจะค่อย ๆ น้อยลงจนไม่มีประจำเดือนเลยในตลอดช่วงระยะเวลาที่ฝังยาคุม
ตรวจสอบความถูกต้องโดย พญ. ฐิติพรรณ ชยวงศ์รุ่งเรือง (คุณหมอชะเอม)
รู้จัก 'แฮปปี้เบิร์ธ คลินิก'
'แฮปปี้เบิร์ธ' เป็นคลินิกเฉพาะทางด้านสูตินรีเวชเล็กๆ ที่หมอตั้งใจเปิดขึ้นเพื่อดูแลสุขภาพผู้หญิงทุกคนทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยหรือสาวใหญ่ ว่าที่คุณแม่หรือคุณแม่เต็มตัว คุณป้าหรือคุณยาย ให้ "แฮปปี้" ทั้งร่างกายและจิตใจ ด้วยการดูแลให้คำปรึกษาและรักษาอย่างใกล้ชิดในบรรยากาศที่สบายๆ ตั้งแต่การตรวจสุขภาพ การรักษาโรคผู้หญิง การเตรียมพร้อมก่อนการตั้งครรภ์ การฝากครรภ์ การคลอด ไปจนถึงการดูแลหลังคลอด และวัยทอง
พญ. ฐิติพรรณ ชยวงศ์รุ่งเรือง (หมอชะเอม)
การศึกษา
- พบ. คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- วุฒิบัตรแพทย์เฉพาะทางสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา
ประสบการณ์ทำงาน
รพ. เจริญกรุงประชารักษ์ 2559 - 2562
รพ. สิรินธร 2562 - 2566
จองบริการฝังยาคุมกำเนิดที่แฮปปี้เบิร์ธคลินิกได้แล้ววันนี้
แฮปปี้เบิร์ธคลินิกให้บริการยาฝังคุมกำเนิด ชนิด 1 แท่ง (Implanon) ราคา 6,200 บาท รวมค่าบริการทางการแพทย์แล้ว สาว ๆ คนไหนที่สนใจคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ หรือต้องการปรึกษาคุณหมอเพิ่มเติมว่า ตกลงแล้วตัวเองควรคุมกำเนิดด้วยการฉีดยาคุม ฝังยาคุม หรือใช้ห่วงคุมกำเนิด สามารถนัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่คลินิกได้เลยที่เบอร์โทรศัพท์ 081-442-9355 (ตามเวลาทำการคลินิก) และเฟสบุ๊กเพจ happybirth กับหมอชะเอม คุณหมอผู้หญิงของเราเข้าใจความกังวลของสาว ๆ ทุกวัย และพร้อมให้การดูแลอย่างเต็มที่ รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ
นัดไว้หน่อย... ไม่คอยนาน
นัดหมายมาตรวจภายใน หรือฝากครรภ์ที่คลินิกผ่านระบบจองออนไลน์
ง่าย สะดวก
นัดง่าย เลือกวันเวลาได้เอง เลื่อนสะดวก ทำได้เอง พร้อมยืนยันทันที
ไม่ลืมแน่นอน
ก่อนถึงวันนัดจะมีข้อความแจ้งเตือนทาง Facebook หรือ SMS
เป็นส่วนตัว
อาการเบื้องต้นเป็นอย่างไร
พิมพ์ไว้ให้คุณหมอเลย ไม่ต้องเขิน