top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนแฮปปี้เบิร์ธคลินิกสูตินรีเวช

ห่วงคุมกำเนิด อีกหนึ่งวิธีคุมกำเนิดเพศหญิงที่มีประสิทธิภาพ

อัปเดตเมื่อ 13 ส.ค.


ห่วงคุมกำเนิด คุมกำเนิดประสิทธิภาพสูง


ห่วงคุมกำเนิด หรือที่เรียกว่า “ห่วงอนามัย” เป็นวิธีคุมกำเนิดแบบชั่วคราวที่มีประสิทธิภาพสูงพอ ๆ กับการฝังยาคุมบริเวณใต้แขน และมีประสิทธิภาพมากกว่าการฉีดยาคุม เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวเป็นระยะเวลานาน ๆ แต่มีข้อจำกัดในการใช้ยาคุมกำเนิดแบบฝังค่ะ


สาว ๆ คนไหนที่สนใจใช้ห่วงอนามัย แต่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร มีข้อดี - ข้อเสียอย่างไร แฮปปี้เบิร์ธคลินิกจะพาไปทำความรู้จักกับการคุมกำเนิดวิธีนี้อย่างเจาะลึก พร้อมแนะนำบริการใส่ห่วงคุมกำเนิดของเรา รับรองว่าอ่านจบแล้วจะเข้าใจการคุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัยเป็นอย่างดีแน่นอนค่ะ


ห่วงคุมกำเนิดคืออะไร?

ห่วงคุมกำเนิด (Intrauterine Device : IUD) คือ อุปกรณ์คุมกำเนิดขนาดเล็กที่ใส่เข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ โดยจะมีรูปร่างหลายแบบ หลายขนาด เช่น ตัวที (T) ตัวยู (U) และตัว (Y) ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้เลือกขนาดของห่วงอนามัยที่เหมาะสมกับสาว ๆ แต่ละคนเอง

ห่วงอนามัยนั้น เป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 99% และอยู่ได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของห่วงอนามัย ซึ่งสาว ๆ ไม่ต้องกังวลเลยว่าห่วงอนามัยจะเคลื่อนที่ แล้วหาไม่เจอ และทำให้เกิดอันตราย เพราะในแกนของห่วงอนามัยจะมีสารแบเรียมซัลเฟต (Barium Sulphate) อยู่ ซึ่งเป็นสารทึบรังสีที่ช่วยให้สามารถตรวจหาตำแหน่งของห่วงได้ด้วยการเอกซเรย์


ห่วงคุมกำเนิดมีกี่ประเภท?

ห่วงอนามัยที่นิยมใช้ในปัจจุบัน มี 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้


1. ห่วงอนามัยหุ้มสารทองแดง (ชนิดที่ไม่มีฮอร์โมน)

เป็นห่วงอนามัยที่ใช้สารทองแดงเป็นสารออกฤทธิ์คุมกำเนิด โดยสารจะอยู่ในรูปประจุ และถูกปล่อยออกมาจากห่วงทีละน้อย มีอายุการใช้งานประมาณ 3 - 10 ปี ขึ้นอยู่กับปริมาณพื้นผิวทองแดง หากห่วงมีพื้นที่ผิวทองแดงมาก จะสามารถอยู่ได้นานมากขึ้นตามไปด้วย


การใส่ห่วงอนามัยที่หุ้มสารทองแดงนั้น จะทำให้ระดับสารทองแดงในเลือดสูงกว่าปกติ แต่ไม่ส่งผลเป็นอันตรายต่อร่างกาย และสามารถใช้คุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ไม่พึงประสงค์ได้


2. ห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมน

เป็นห่วงคุมกำเนิดที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยจะมีทั้งการเคลือบด้วยฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestins) และฮอร์โมนเลโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่มีฤทธิ์เลียนแบบโพรเจสเตอโรน (Progesterone)


ห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมนนั้น จะสามารถคุมกำเนิดได้นาน 3 - 5 ปี ขึ้นอยู่กับจำนวนฮอร์โมน และมีจุดเด่นตรงที่สามารถใช้รักษาภาวะผิดปกติอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น มีประจำเดือนมากกว่าปกติ ปวดประจำเดือน ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Adenomyosis) และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกด้วย

ห่วงคุมกำเนิดมีกลไกการทำงานอย่างไร?

กลไกการทำงานของห่วงอนามัยแต่ละชนิด จะแตกต่างกันไป ดังนี้

  • ห่วงอนามัยหุ้มสารทองแดง : จะปล่อยสารทองแดงในรูปประจุที่เป็นพิษต่อตัวอสุจิและไข่ ทำให้ตัวอสุจิในโพรงมดลูกไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมสำหรับฝังตัวอ่อน

  • ห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมน : จะเข้าไปกดการเจริญเติบโตของเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้ไม่สามารถฝังตัวอ่อนได้ และทำให้มูกบริเวณปากมดลูกข้นเหนียว ทำให้อสุจิเคลื่อนไหวลำบาก แต่ไม่สามารถยับยั้งการตกไข่ได้ เพราะมีปริมาณฮอร์โมนไม่เพียงพอ


ห่วงคุมกำเนิด

ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดของห่วงอนามัย

ห่วงอนามัยมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมากกว่า 99%



ห่วงคุมกำเนิดเหมาะกับใคร?

การคุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัย จะเหมาะสำหรับคนกลุ่มนี้ ได้แก่

  • ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดระยะยาว 2 - 3 ปีขึ้นไป และมีประสิทธิภาพสูง

  • คุณแม่ที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมลูก เพราะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพและปริมาณน้ำนม

  • ผู้ที่มีข้อจำกัดในการใช้ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด การฉีดยาคุม หรือการใช้ยาคุมกำเนิดแบบฝัง

  • ผู้ที่มีข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน

ห่วงคุมกำเนิดไม่เหมาะกับใคร?

การใส่ห่วงอนามัยหุ้มทองแดง และห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมน ไม่เหมาะสำหรับคนกลุ่มนี้ ได้แก่

  • ผู้ที่สงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ หรือมีความเสี่ยงว่าจะตั้งครรภ์ ควรตรวจการตั้งครรภ์ให้เรียบร้อยก่อน

  • ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของห่วงอนามัย

  • ผู้ที่เป็นโรคติดเชื้อในทางเดินระบบสืบพันธุ์ เช่น ปากมดลูกอักเสบ ช่องคลอดอักเสบ

  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานได้ง่าย

  • ผู้ที่มีลักษณะโพรงมดลูกบิดเบี้ยวแต่กำเนิด จนทำให้ยากต่อการใส่ห่วงอนามัย

  • ผู้ที่เคยมีภาวะแท้งติดเชื้อ หรือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบหลังคลอดภายในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

  • ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง หรือเนื้องอกที่มดลูก หรือปากมดลูก

  • ผู้ที่มีภาวะเลือดออกจากโพรงมดลูกโดยไม่ทราบสาเหตุ

มีข้อห้ามเพิ่มเติมสำหรับการใส่ห่วงอนามัยหุ้มทองแดง ได้แก่

  • ผู้ที่เป็นโรควิลสัน (Wilson disease) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้มีการสะสมของทองแดงมากเกินไปที่อวัยวะสำคัญหลายแห่ง

มีข้อห้ามเพิ่มเติมสำหรับการใส่ห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมน ได้แก่

  • ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งเต้านม หรือโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ ที่ไวต่อฮอร์โมนโพรเจสติน

  • ผู้ที่เป็นโรคเนื้องอก

  • ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งตับ และโรคตับชนิดเฉียบพลัน

สาว ๆ คนไหนที่ต้องการใส่ห่วงอนามัย แล้วไม่มั่นใจว่าตนเองจะอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้หรือเปล่า สามารถนัดหมายเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่แฮปปี้เบิร์ธคลินิกก่อนได้ค่ะ หากคุณหมอพิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะกับการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้จริง ๆ ก็จะแนะนำวิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันและเหมาะสมกับคนไข้ที่สุดให้ค่ะ


เปรียบเทียบข้อดี - ข้อเสียของการใส่ห่วงคุมกำเนิด

การใส่ห่วงอนามัย มีข้อดี - ข้อเสีย ดังนี้

ข้อดีของการใส่ห่วงอนามัย

  • เป็นวิธีคุมกำเนิดชั่วคราวที่สามารถป้องกันได้ระยะยาว 3 - 10 ปี และมีประสิทธิภาพสูงมาก

  • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายคุมกำเนิดในระยะยาว หากใส่ห่วงอนามัยจนครบอายุการทำงาน

  • มีผลข้างเคียงน้อย เพราะมีสารออกฤทธิ์ในเลือดต่ำ

  • ในกรณีที่ใช้ห่วงอนามัยหุ้มทองแดง ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงปฏิกิริยาระหว่างยา เพราะไม่มีส่วนผสมของฮอร์โมน

  • สามารถใช้ได้กับกลุ่มคนหลากหลาย ทั้งผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดระยะยาว คุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมลูก และสาว ๆ ที่มีน้ำหนักตัวมาก

  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาผิดปกติ และโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้

  • สามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้ตามปกติทันทีเมื่อนำห่วงอนามัยออก ซึ่งจะแตกต่างจากการใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉีดที่ต้องรออย่างน้อย 1 ปี ถึงจะกลับมาตั้งครรภ์ได้

  • ในกรณีที่เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ สามารถเอาออกได้ทันที และไม่ต้องรอให้ยาหมดฤทธิ์

ข้อเสียของการใส่ห่วงอนามัย

  • การใส่และถอดห่วงอนามัยจะต้องทำคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น

  • ก่อนที่จะใส่ห่วงอนามัย สาว ๆ จำเป็นที่จะต้องตรวจภายในและตรวจมะเร็งปากมดลูกให้เรียบร้อยก่อน เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย

  • อาจทำให้มีเลือดออกและเจ็บเล็กน้อย ขณะใส่และถอดห่วงอนามัย

  • ห่วงอนามัยหุ้มทองแดงจะทำให้ประจำเดือนออกมากและนานกว่าปกติ

  • ห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมนจะทำให้มีประจำเดือนน้อย หรือไม่มีประจำเดือน

  • การใส่ห่วงอนามัยอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบที่อุ้งเชิงกรานได้

  • สายไนลอนในช่องคลอดอาจรบกวนการมีเพศสัมพันธ์ในบางรายได้

  • ห่วงอนามัยไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ จึงควรใส่ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ หรือมีคู่นอนหลายคน

ควรใส่ห่วงคุมกำเนิดช่วงเวลาใด?

สาว ๆ สามารถเข้ารับการใส่ห่วงอนามัยได้ในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน


การเตรียมตัวก่อนใส่ห่วงคุมกำเนิด

การใส่ห่วงอนามัยไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ แต่จะต้องเข้าพบคุณหมอเฉพาะทางด้านสูตินรีแพทย์ เพื่อทำการตรวจคัดกรองความเสี่ยงต่าง ๆ และรับคำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังใส่ห่วงอนามัยให้เรียบร้อยก่อน ถ้าหากคุณหมอประเมินแล้วว่าใส่ได้ ก็สามารถเข้ารับการใส่ได้ทันที


ขั้นตอนการใส่ห่วงคุมกำเนิด

ขั้นตอนการใส่ห่วงอนามัยไม่ยุ่งยากเลย คุณหมอจะทำการฆ่าเชื้อบริเวณปากมดลูก แล้วทำการสอดห่วงอนามัยเข้าไปในโพรงมดลูกให้ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเสียวและปวดตรงท้องน้อยได้เล็กน้อย


หลังจากนั้นก็จะทำความสะอาดให้เรียบร้อย และให้นั่งพักสังเกตอาการประมาณ 10 - 15 นาที หากไม่มีอาการผิดปกติก็สามารถกลับบ้านได้เลย และจะนัดตรวจติดตามผลหลังใส่ 2 - 3 เดือน


สำหรับสาว ๆ คนไหนที่รู้สึกเขินอาย ไม่กล้าที่จะมาใส่ห่วงอนามัย ไม่ต้องเขินเลยค่ะ เพราะที่แฮปปี้เบิร์ธคลินิก เราให้บริการตรวจภายใน ตรวจมะเร็งปากมดลูก และใส่ห่วงอนามัย โดยคุณหมอผู้หญิงและเจ้าหน้าที่ผู้หญิงทุกขั้นตอน รับรองว่าสบายใจ และเป็นส่วนตัวที่สุดแน่นอนค่ะ


การดูแลตนเองหลังใส่ห่วงคุมกำเนิด

หลังจากใส่ห่วงอนามัยแล้ว สาว ๆ จะต้องงดมีเพศสัมพันธ์ 7 วันแรกหลังใส่ห่วง และงดสวนล้างช่องคลอดหลังใส่ห่วง เพียงแค่ดูแลรักษาความสะอาดภายนอก และหมั่นตรวจดูว่าในช่องคลอดยังมีสายด้ายไนลอนอยู่ที่บริเวณปากมดลูกหรือเปล่า ก็เพียงพอแล้ว


การใส่ห่วงอนามัยนั้น จะทำให้มีตกขาวและประจำเดือนมามากกว่าปกติในช่วง 3 เดือนแรก หลังจากนั้นอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดประจำเดือนมาก หรือปวดท้องน้อยหลังใส่ห่วงอนามัยไปได้ระยะหนึ่ง นั่นอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและทำการถอดห่วงอนามัยออกทันที


ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังใส่ห่วงคุมกำเนิด

แม้ว่าการใส่ห่วงอนามัยจะมีความปลอดภัยสูง และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้น้อยมาก แต่ก็สามารถเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน ดังนี้

  • มีเลือดออกทางช่องคลอดกะปริบกะปรอย

  • ปวดประจำเดือนมากขึ้น หรือประจำเดือนมากกว่าปกติ

  • มีตกขาวมากกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากการมีสายห่วงอยู่ในช่องคลอด

  • เพิ่มเสี่ยงต่อการเกิดการอักเสบ หรือติดเชื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน ในกรณีที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือห่วงอนามัยแตกหักแล้วเอาชิ้นส่วนออกไม่หมด

  • ทำให้ปวดศีรษะ เป็นสิว อารมณ์แปรปรวน น้ำหนักตัวเพิ่ม มีภาวะขนดก หรือเจ็บคัดตึงเต้านม ในผู้ที่ใช้ห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมน

  • ในกรณีที่ใส่กับคุณหมอที่ไม่มีความชำนาญ​ อาจทำให้เกิดมดลูกทะลุระหว่างใส่ห่วงได้ (พบได้น้อยมาก)

สามารถเอาห่วงคุมกำเนิดออกได้ตอนไหน?

สาว ๆ สามารถถอดห่วงอนามัยออกได้ทันทีที่ต้องการ


ใส่ห่วงคุมกำเนิด ราคาเท่าไร?

แฮปปี้เบิร์ธคลินิกให้บริการใส่ห่วงคุมกำเนิด 2 ชนิด คือ ห่วงอนามัยหุ้มทองแดง (ชนิดที่ไม่มีฮอร์โมน) และห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมน มีอัตราค่าบริการดังนี้

  • ห่วงอนามัยชนิดไม่มีฮอร์โมน

  • Inara Cu 375 Sleek สามารถคุมกำเนิดได้ 5 ปี ราคา 7,000 บาท

  • Pregna T CU 380 A สามารถคุมกำเนิดได้ 10 ปี ราคา 7,000 บาท

  • ห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมน

  • Mirena สามารถคุมกำเนิดได้ 5 ปี ราคา 11,000 บาท

ถอดห่วงคุมกำเนิด ราคาเท่าไร?

แฮปปี้เบิร์ธคลินิกให้บริการถอดห่วงอนามัย ราคา 600 บาท


เมื่อไหร่ที่ควรไปพบคุณหมอ

หากหลังจากใส่ห่วงอนามัยแล้วมีอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบไปพบคุณหมอทันที ได้แก่

  • ปวดท้องน้อยมากผิดปกติ

  • มีเลือดออกไหลมากผิดปกติ

  • คลำไม่เจอสายห่วงอนามัย

  • รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์

  • เป็นไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ

  • ห่วงอนามัยหลุดออกมาข้างนอก

  • ประจำเดือนไม่มา ประจำเดือนมากะปริดกะปรอย


HappyBirthClinic คลินิกสูตินรีเวช

สรุปเรื่องการใส่ห่วงคุมกำเนิด

จะเห็นได้ว่า ห่วงคุมกำเนิดเป็นอีกหนึ่งวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ และสามารถคุมกำเนิดแบบชั่วคราวได้ยาวนาน ตั้งแต่ 3 - 10 ปี สาว ๆ คนไหนที่สนใจคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ สามารถนัดหมายเพื่อเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่แฮปปี้เบิร์ธคลินิกได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 081-442-9355 (ตามเวลาทำการคลินิก) และเฟสบุ๊กเพจ happybirth กับหมอชะเอม ได้เลยค่ะ เราให้บริการใส่ห่วงอนามัยทั้งแบบชนิดที่ไม่มีฮอร์โมน และมีฮอร์โมน ดูแลโดยคุณหมอผู้หญิงและเจ้าหน้าที่ผู้หญิงในทุกขั้นตอน เพื่อความสบายใจและเป็นส่วนตัวมากที่สุดค่ะ









bottom of page