คนท้องห้ามกินอะไร เป็นคำถามที่คุณแม่มือใหม่หลายคนสงสัยและเป็นกังวลกัน เนื่องจากการกินอาหารที่มีประโยชน์และถูกหลักโภชนาการ จะส่งผลให้ลูกน้อยในครรภ์มีพัฒนาการที่ดี ส่วนคุณแม่ก็มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และเช่นเดียวกัน หากกินอาหารที่ไม่ดีก็ย่อมส่งผลเสียต่อตัวแม่และเด็กได้
เพื่อให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนสามารถดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม แฮปปี้เบิร์ธคลินิก คลินิกฝากครรภ์ที่ดูแลโดยคุณหมอผู้หญิงที่เข้าใจคุณแม่ทุกวัย ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่คนท้องห้ามกิน รวมถึงอาหารที่คุณแม่สามารถกินได้มาให้แล้ว จะมีอาหารอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
อาหารการกินสำคัญอย่างไรต่อคนท้อง
“อาหารการกิน” สำหรับคนท้องเป็นสิ่งที่คุณแม่มือใหม่ทุกคนควรให้ความใส่ใจ เนื่องจากเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ค่ะ
หากคุณแม่กินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อบำรุงร่างกายที่ดีทั้งต่อทารกและตัวคุณแม่เอง ก็จะช่วยส่งเสริมให้ทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง ร่างกายสมบูรณ์ มีพัฒนาการที่สมวัย รวมถึงยังลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคขาดสารอาหาร หรือโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เป็นต้น
แต่หากคุณแม่ท่านไหนที่กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือไม่รู้ว่าคนท้องห้ามกินอะไร แล้วกินสิ่งนั้นเป็นระยะเวลานานหรือกินเข้าไปในปริมาณมาก ทารกในครรภ์จก็อาจได้รับผลข้างเคียงจากสารอาหารเหล่านั้น และก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพต่าง ๆ ตามมาได้ค่ะ
คนท้องห้ามกินอะไรบ้าง
คุณแม่มือใหม่ที่พึ่งตั้งครรภ์ท้องแรก มักจะมีความกังวลตั้งแต่ท้องอ่อนแล้วว่า อาหารคนท้องอ่อน ห้ามกินมีอะไรบ้าง เพราะช่วงระยะเวลาการตั้งครรภ์ นับว่าเป็นช่วงที่คุณแม่ต้องใส่ใจเรื่องอาหารเป็นพิเศษ ต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
โดยหลาย ๆ คนก็อาจไม่รู้และคิดว่าคนท้องกินอาหารอะไรก็ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมีอาหารบางอย่างที่คนท้องควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจนำไปสู่ความผิดปกติขณะตั้งครรภ์ ยกตัวอย่างเช่น
1. อาหารรสจัด เผ็ด-เค็ม-หวาน
หากสงสัยกันว่าคนท้องห้ามกินอะไร อย่างแรกเลย คือ อาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นเผ็ด เค็ม หรือหวาน ล้วนแล้วส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์โดยตรง และก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่ในทางอ้อมด้วย ซึ่งผลเสียที่ว่านั้นจะมีดังนี้
ทารกในครรภ์ไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ : โดยเฉพาะการกินรสเผ็ด จะทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองและอักเสบได้ ส่งผลให้การดูดซึมอาหารไม่ดีเท่าที่ควร จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทารกขาดสารอาหาร
เสี่ยงเกิดริดสีดวงทวาร : เนื่องจากอาหารรสจัดเกินไป จะทำให้เกิดอาการท้องเสียและกระเพาะอาหารมีปัญหา ส่งผลให้ระบบขับถ่ายมีปัญหาที่อาจทำให้ต้องเผชิญกับปัญหาริดสีดวงได้
เกิดกรดไหลย้อนและท้องอืด : ตามปกติแล้วคุณแม่ที่ตั้งครรภ์มักมีอาการท้องอืดและอาหารไม่ย่อยง่ายกันอยู่แล้ว โดยการกินอาหารรสจัดบ่อย ๆ นับว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น หากปล่อยละเลยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ค่ะ
เสี่ยงต่อโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์: คุณแม่มือใหม่ที่ชอบทานหวาน พฤติกรรมการกินนี้ไม่เพียงแค่อันตรายต่อตัวคุณแม่เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ด้วย
2. อาหารไม่สุกและอาหารแช่แข็ง
อาหารไม่สุกและอาหารแช่แข็งนับว่าเป็นอาหารคนท้องอ่อนห้ามกิน เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้
อาหารไม่สุก : มีเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่ ไม่ปลอดภัยต่อทารกในครรภ์และคุณแม่ อาจก่อให้เกิดอาการท้องร่วง ท้องเสีย และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้
อาหารแช่แข็ง : เนื่องจากอาหารที่แช่แข็งไว้เป็นเวลา จะมีเชื้อแบคทีเรียสะสมจำนวนมาก เช่น เนื้อสัตว์แช่แข็ง หรือผลไม้แช่แข็ง เป็นต้น จึงเป็นเหตุผลที่ว่าคุณแม่ท้องอ่อนไม่ควรทาน เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ ได้ค่ะ
3. อาหารประเภทหมักดอง
อาหารประเภทหมักดองเป็นอาหารคนท้องอ่อนห้ามกิน เพราะมีเกลือผสมอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ส่งผลกระทบต่ออวัยวะในร่างกาย เช่น หัวใจ ไต รวมถึงทำให้หน้าบวม และตัวบวมร่วมด้วย
4. อาหารทะเลที่อาจมีปรอทสูง
การกินอาหารทะเลจะไม่แนะนำในคุณแม่ตั้งครรภ์ เนื่องจากมีสารปรอทสูง อย่างเช่น ปลาทูน่า หอย ปู ส่วนอาหารทะเลที่ไม่มีสารปรอทสูงมากนัก จะสามารถกินได้ แต่ต้องกินในปริมาณที่พอดี และต้องปรุงสุกแล้วเท่านั้น
5. เครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ
เครื่องดื่มประเภทชา กาแฟที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนท้องควรหลีกเลี่ยงเลย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสียตามมาดังนี้
ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานในระหว่างการตั้งครรภ์
ทำให้ร่างกายคุณแม่เสียธาตุเหล็กและแคลเซียม
ทำให้ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ
6. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
คนท้องห้ามกินอะไร แน่นอนว่าจะต้องห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เนื่องจากแอลกอฮอล์ในเลือดจะถูกส่งผ่านไปยังสายสะดือของทารก ทำให้ลูกน้อยในท้องได้รับแอลกอฮอล์ด้วย อาจนำไปสู่การแท้งและมีผลต่อพัฒนาการในการเรียนรู้ หรือทารกพิการตั้งแต่กำเนิดค่ะ
7. ผักผลไม้บางชนิดที่ย่อยยาก
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการกินผักผลไม้ที่ย่อยยาก เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้คุณแม่ท้องอืด รู้สึกแน่นท้อง ไม่สบายตัวได้ เช่น ฝรั่ง หรือมะม่วงดิบ เป็นต้น
อาหารที่คุณแม่กินได้
นอกจากอาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงแล้ว แฮปปี้เบิร์ธคลินิกก็ได้รวบรวมเมนูอาหารที่คุณแม่สามารถรับประทานได้มาให้ด้วยค่ะ ซึ่งล้วนเป็นอาหารที่มีประโยชน์ และส่งผลดีต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์มาก ๆ คุณแม่สามารถรับประทานได้เยอะ ๆ เลยค่ะ
อาหารที่มีดีเอชเอ (DHA : Docosahexaenoic Acid) สูง : คือกรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิดหนึ่งที่ดีต่อสุขภาพ มีผลต่อการพัฒนาสมอง ระบบประสาท ดวงตา รวมไปถึงช่วยลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์ได้ดีมาก ซึ่งมักพบในเนื้อสัตว์ และถั่วชนิดต่าง ๆ
อาหารที่มีธาตุเหล็ก : ช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจางได้ดีในระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ไข่แดง งา และเนื้อสัตว์ เป็นต้น
อาหารที่มีโฟเลตหรือโฟลิกสูง : ช่วยพัฒนาระบบประสาทและสมองของทารกในครรภ์ เช่น ตับ และผักใบเขียว
อาหารที่มีแคลเซียมสูง : ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง เช่น นม เนย และชีส แต่ก็ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ
อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต : ต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม จะเป็นตัวช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้ดี แต่หากทานเยอะเกินไปก็อาจเสี่ยงเกิดโรคอ้วนได้เช่นกัน
สรุปค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลที่เรานำมาฝากในบทความนี้ หวังว่าจะช่วยคลายข้อสงสัยคนท้องห้ามกินอะไร และทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน สามารถเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ได้นะ เพราะการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ได้สารอาหารสำคัญอย่างเต็มที่ จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับคุณแม่และลูกน้อยค่ะ
นอกจากเรื่องอาหารแล้ว ยังมีอีกหลายสิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การตรวจ NIPT คัดรองภาวะดาวน์ซินโดรม ตรวจอัลตราซาวด์ทารกติดตามพัฒนาการ รับวัคซีนที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้คุณแม่จะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมหากฝากครรภ์กับคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญค่ะ
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนที่ยังไม่ได้ทำการฝากครรภ์ หรือฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลแล้ว แต่อยากได้รับการดูแลโดยสูตินรีแพทย์หญิงเพิ่มเติมอย่างใกล้ชิด สามารถนัดหมายเข้ามาพบและฝากครรภ์กับคุณหมอได้เลยที่ เบอร์โทรศัพท์ 081-442-9355 (ตามเวลาทำการคลินิก) และเฟสบุ๊กเพจ happybirth กับหมอชะเอม คลินิกของเราดูแลโดยคุณหมอสูตินรีแพทย์ผู้หญิงที่เข้าใจคุณแม่ทุกวัย รับรองว่าคุณแม่จะแฮปปี้ตลอดการตั้งครรภ์ไปจนถึงคลอดบุตรแน่นอนค่ะ